กลับบ้าน หรือ ไปศูนย์ ตัดสินใจอย่างไรในภาวะลังเล
การตัดสินใจเมื่อลูกหลานต้องดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุหลังพ้นการเจ็บป่วยเฉียบพลันเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องเลือกว่าจะพาท่านกลับบ้านหรือพาท่านไปพักฟื้นที่ศูนย์ดูแล
บทความนี้จะเสนอแนวทางในการช่วยตัดสินใจอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ที่สอดคล้องกับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละครอบครัว โดยอ้างอิงจากประสบการณ์และข้อมูลทางการแพทย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้ทุกท่านผ่านพ้นการเผชิญกับสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน การดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุในช่วงเวลาหลังการเจ็บป่วยเฉียบพลันในครั้งนี้
การเลือกทางออกใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย
- ปัญหาสุขภาพของผู้ป่วย
- ระดับความรุนแรงของโรค
- สภาพแวดล้อมที่บ้าน
- การสนับสนุนจากครอบครัวเมื่อกลับบ้าน
1. ปัญหาสุขภาพของผู้ป่วย
เนื่องจากข้อจำกัดของปริมาณเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลรัฐบาล การอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลจนหายสนิท หรือดีขึ้นมากพอจนสามารถช่วยเหลือตนเองได้นั้น จึงมักไม่สามารถทำได้ ดังนั้นญาติผู้ดูแล ควรประเมินด้วยตนเอง หรือสอบถามแพทย์/พยาบาลเจ้าของไข้ผู้ป่วยว่า
- ขณะนี้ยังเหลือปัญหาอะไรอยู่บ้างที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว?
- สภาพร่างกายของผู้ป่วยพร้อมเต็มที่ในการกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ/เกือบปกติที่บ้านแล้วหรือยัง? หรือจริงๆยังต้องการเวลาพักฟื้น ทำกายภาพบำบัดเพิ่มเติม(แม้จะไม่สามารถทำต่อเนื่องในโรงพยาบาลได้)



ยกตัวอย่างสถานการณ์ เช่น หากผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง มีปัญหาการกลืนสำลัก จึงยังไม่สามารถทานอาหารปกติ ทางปากเองได้ ตอนกลับบ้านจึงจำเป็นต้องใส่สายยางทางจมูก(NG tube) เพื่อให้อาหารทางสายยางชั่วคราว การฝึกกลืนจะยังคงมีประโยชน์ในผู้ป่วยรายนี้หรือไม่ หากคำตอบคือ ใช่ ยังมีประโยชน์อยู่ การกลืนของผู้ป่วยจะยังสามารถฟื้นตัวได้อยู่
- การฝึกกลืนต่อเนื่อง ไม่ว่าที่บ้าน(โดยมีการฝึกกลืนให้โดยญาติที่พร้อม ฝึกจากโรงพยาบาลเป็นแล้ว) หรือการฝึกต่อเนื่องทุกวันที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ/ศูนย์ดูแลผู้ป่วยทั้งการกายภาพและการฝึกกลืน การฟื้นฟูการกลืนด้วยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ในผู้ป่วยรายนี้ ก็ย่อมทำให้ระบบการกลืนของผู้ป่วยดีขึ้น อาจกลับมาทานได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องใส่สายยางให้อาหาร ไม่ต้องรับอาหารทางสายยาง
2. ระดับความรุนแรงของโรค
- การตัดสินใจควรพิจารณาถึงความรุนแรงของโรค ซึ่งจะส่งผลต่อการดูแลที่ผู้ป่วยจะต้องได้รับ
- หากโรคมีความรุนแรง เช่น กรณีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอัมพาตครึ่งซีก ไม่สามารถขยับแขนขาได้เลย มีเจาะท่อคอ ต้องมีเครื่องช่วยหายใจ ต้องดูดเสมหะบ่อยๆ
- ความรุนแรงที่มากนี้ ผู้ป่วยก็จะมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่มากขึ้นตามมา เสี่ยงต่อการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซ้ำอีกครั้ง(readmission) ด้วยความรุนแรงของโรคที่มากกว่าครั้งแรก
- กรณีนี้ญาติอาจพิจารณา ตัดสินใจร่วมกับผู้ป่วยที่จะไปพักฟื้นที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วย/ผู้สูงอายุก่อนจนกว่าความรุนแรงจะทุเลาลง
3. สภาพแวดล้อมที่บ้าน
ญาติผู้ดูแลหลักควรพิจารณาถึงสภาพบ้าน สภาพแวดล้อมว่าเหมาะแก่การอยู่อาศัยของผู้ป่วยหรือไม่ เช่น ผู้ป่วยที่มีความจำกัดของร่างกาย ยังคงมีอาการอ่อนแรงแขนขา เดินไม่ถนัด ทรงตัวลำบาก ห้องนอนของผู้ป่วย/ผู้สูงอายุควรจัดไว้ให้อยู่ที่ชั้นล่างสุดของบ้าน เพื่อป้องกันการตกบันได และสะดวกที่สุดเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน เจ็บป่วยซ้ำ
4. การสนับสนุนจากครอบครัวเมื่อกลับบ้าน
นอกจากความพร้อมด้านสถานที่แล้วนั้น ความพร้อมของการดูแล เฝ้าระวังในช่วงต้นของการกลับบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ
- กรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะพึ่งพิง หากที่บ้านผู้ป่วยไม่สามารถมีผู้ดูแลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าโดยคนในครอบครัว หรือการจ้างบุคคลากรทางการแพทย์มาช่วยดูแล การตัดสินใจร่วมกับผู้ป่วยที่จะไปพักฟื้นที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วย/ผู้สูงอายุก่อนในช่วงต้น ระหว่างรอความพร้อมในการจัดเตรียมบ้าน เตรียมผู้ดูแลก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและญาติมากที่สุด
สำหรับผู้ดูแลมือใหม่ที่ต้องตัดสินใจว่าจะให้ผู้ป่วยกลับบ้านหรือพาท่านไปพักฟื้นที่ศูนย์ดูแล การตัดสินใจครั้งใหญ่นี้ มีผลต่อคุณภาพชีวิตของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล โดยทั่วไปแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้พร้อมกันเพื่อทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีเหตุผลและเหมาะสมกับสถานการณ์
จะเห็นว่าหมอไม่ได้นับรวมปัจจัยด้านค่าใช้จ่าย เข้ามาอยู่ในการตัดสินใจนี้
เนื่องจากหากพิจารณาโดยละเอียด จะพบว่า…ค่าใช้จ่ายของทั้งสองตัวเลือก ไม่ว่าจะกลับบ้าน หรือ ไปพักฟื้นที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วย/ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบันนั้น ไม่ได้ต่างกันในแง่การดูแล (หากนับรวมค่าแรงกายแรงใจของคนในครอบครัวผู้เสียสละดูแลด้วยตนเอง หรือค่าจ้างดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยเข้ามา)
“คำแนะนำที่ดีที่สุดคือการเลือกทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของผู้ป่วย ให้ความสำคัญกับความเป็นไปได้ที่ดีที่สุดสำหรับการฟื้นฟูจากความเจ็บป่วย และความสะดวกสบายของทั้งผู้ป่วยและครอบครัวในระยะยาว”



อ่านเพิ่มเติม
บทความโดย
หมอมิ้นท์ พญ.วรัชยา วลัยลักษณาภรณ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและระบบประสาท
สำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแลทางบ้านที่มีคำถาม หรือสงสัยเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยโรคสมอง โรคเส้นเลือดสมองตีบ เส้นเลือดสมองแตก ผู้ป่วยโรคสมอง และผู้ป่วยติดเตียง สามารถส่งข้อความคำถามได้ที่เพจ Viva Wellness หรือทางไลน์ @VivaWellness นะคะ หมอและทีมหมอหลายๆท่านจะทยอยตอบคำถามให้ค่ะ
